
ใครที่กำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่ไม่ใช่เพียงการพักผ่อน แต่คือการเดินทางเพื่อสัมผัสชีพจรของความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมปักษ์ใต้ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ย่านเมืองเก่าสงขลาและหาดใหญ่ได้แปลงโฉมเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจอีกครั้งใน เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568 (Pakk Taii Design Week 2025) หรือ PTDW2025 ภายใต้ธีม “South Paradise มาใต้ บายใจให้ถึงหวัน” เทศกาลปีนี้มิได้เป็นเพียงการจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ แต่คือการเชิญชวนให้ทุกคนได้มาร่วม “บายใจ” หรือผ่อนคลายไปกับเสน่ห์และพลังของคนใต้ ผ่านแนวคิด De-Stress Economy ที่สะท้อนวิถีการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อคุณภาพชีวิตและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ปีนี้ เทศกาลฯ ได้รับความร่วมมืออย่างกว้างขวางจากเครือข่ายนักสร้างสรรค์ ศิลปิน ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศ ได้แก่ AIS 3BB FIBRE3, บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มนักสร้างสรรค์ชาวสงขลา Seek group and co ที่พร้อมผนึกกำลังนำเสนอโปรแกรมและกิจกรรมสร้างสรรค์อันหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนปักษ์ใต้ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และน่าเที่ยวอย่างยั่งยืน
“สายอาร์ต: Wire Art Songkhla” เปลี่ยน “สายไฟเบอร์ออปติก” สู่งานศิลปะ สร้างสรรค์เศรษฐกิจหมุนเวียน โดย AIS 3BB FIBRE3
AIS 3BB FIBRE3 ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ผ่านโปรเจ็กต์ “สายอาร์ต: Wire Art Songkhla” ที่ร่วมมือกับนักศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) สงขลา และชุมชนบ้านกอร์ตานี นำสายไฟเบอร์ออปติกที่เหลือจากการใช้งาน (E-Waste) มาสร้างคุณค่าใหม่เป็นเฟอร์นิเจอร์และประติมากรรมสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น ม้านั่งรูปเกาะหนู-เกาะแมว ที่นั่งเรือกอและ ฯลฯ จัดแสดง ณ ตรอกท่าน้ำกรุงทอง

คุณโชติวัฒน์ อุ่นพิกุล หัวหน้างานปฏิบัติการด้านเทคนิค AIS 3BB FIBRE3 กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างเป็นรูปธรรม เริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะเปลี่ยนขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กลับมามีคุณค่าในรูปแบบงานศิลปะที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่น ควบคู่กับการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้นักศึกษาและคนในชุมชน สามารถนำวัสดุเหล่านี้ไปต่อยอดเป็นสินค้าเพื่อสร้างรายได้ เราเชื่อว่าสายไฟเบอร์ออปติกที่ไม่ได้ใช้งานสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เพียงสร้างงานและอาชีพ แต่ยังต่อยอดสู่เศรษฐกิจชุมชน และขยายโอกาสสู่ตลาดภายนอกได้ในอนาคต”
“หลาดลุ่มเล เมนูเทสใต้” ร้อยเรียงความผูกพันผ่านเสน่ห์วัฒนธรรมอาหารใต้ โดย เชฟรอน
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ถ่ายทอดความผูกพันอันยาวนานกว่า 40 ปีกับชาวสงขลา ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรม “หลาดลุ่มเล เมนูเทสใต้” หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของเทศกาลฯ โดยร่วมเนรมิตพื้นที่วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร (วัดกลาง) ให้กลายเป็นตลาดอาหารชุมชนกว่า 20 ร้าน ถ่ายทอดเสน่ห์วัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่น เช่น “เต้าคั่ว” อาหารใต้โบราณที่หาชิมได้ยาก ควบคู่กับการแสดงศิลปะ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการจิบน้ำชายามค่ำในบ้านคหบดีจีน และเสวนาว่าด้วยความรุ่งเรืองของสงขลาในสมัยรัชกาลที่ 5 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา

คุณพรสุรีย์ กอนันทา รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เชฟรอนเป็นบริษัทพลังงานที่ยึดมั่นการอยู่เคียงข้างชุมชนเสมอ กิจกรรม “หลาดลุ่มเล เมนูเทสใต้” ไม่เพียงเผยแพร่อาหารพื้นถิ่นภาคใต้ แต่ยังเชื่อมโยงศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบอย่างร่วมสมัย เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นการท่องเที่ยว และทำให้เสน่ห์ของภาคใต้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น”
“ขวดโค้กยักษ์” แลนด์มาร์กใหม่ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ของคนใต้ โดยหาดทิพย์ในฐานะแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างชาวใต้มาตลอดระยะเวลากว่า 55 ปี บริษัท หาดทิพย์ จํากัด (มหาชน) ได้มาร่วมสร้างสีสันและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ผ่านการจัดแสดงผลงานศิลปะ “ขวดโค้กยักษ์” บริเวณถนนนางงาม ย่านเมืองเก่าของจังหวัดสงขลา ผลงานชิ้นนี้นำรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของขวดโค้กมาผสานเข้ากับลวดลายที่สะท้อนเสน่ห์ของจังหวัดสงขลา ทั้งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม และจุดเด่นเฉพาะถิ่น รังสรรค์เป็นงานศิลป์ร่วมสมัยที่ดึงดูดสายตา และกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ในเทศกาลฯ บริษัท หาดทิพย์ จํากัด (มหาชน) ยังร่วมมอบเครื่องดื่มในเครือเพื่อเติมความสดชื่นให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย นับเป็นการตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ที่ไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต แต่ยังคงอยู่เคียงข้างชุมชนอย่างแท้จริง

คุณดำรงรักษ อภิบาลสวัสดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 55 ปีที่หาดทิพย์ได้อยู่ร่วมกับชุมชน และสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นภาคใต้อย่างต่อเนื่อง เทศกาลฯ ปีนี้เราได้สร้างสรรค์ขวดโค้กยักษ์ที่ผสมผสานจุดเด่นในหลาย ๆ แง่มุมของสงขลาบนถนนนางงาม โดยหวังให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กศิลปะร่วมสมัย สะท้อนและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำแก่ผู้มาเยือน และต่อยอดให้เกิดการเติบโตทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนควบคู่กับการอนุรักษ์อัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของหาดทิพย์ ที่จะเติบโตไปพร้อมกับชาวใต้อย่างแท้จริง”
“Songkhla Slowhood” ชุบชีวิต “ถนนเพชรคีรี” ด้วย Street Branding โดย Seek group and co

เทศกาลฯ ปีนี้ยังได้ขยายพื้นที่สร้างสรรค์สู่ “ถนนเพชรคีรี” กับโปรเจ็กต์ “Songkhla Slowhood” จากความตั้งใจของกลุ่มพันธมิตรนักสร้างสรรค์ชาวสงขลา Seek group and co ที่ต้องการเปลี่ยนย่านชุมทางรถไฟเก่า โดยใช้คอนเซ็ปต์ Street Branding เพื่อสร้างภาพจำใหม่ให้ถนนเพชรคีรี ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่และวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบ Slow Life ตามแบบฉบับคนสงขลา รวมถึงใช้พื้นที่ของ แสนสบาย สเปซ (Sansabai Space) อาคารเก่าอายุกว่า 70 ปีที่เคยเป็นโรงแรม ให้เป็นศูนย์กลางกิจกรรมในรูปแบบ Pop-Up Station โดยเปิดพื้นที่ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสทั้งนิทรรศการ ตลาดวินเทจ ดนตรี และกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย

ถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคตของถนนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
คุณสธนธร สุขสวี Producer ตัวแทนจาก Seek group and co เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า “เราตั้งใจอยากชวนนักท่องเที่ยวหรือคนในท้องที่มารู้จักชุมชนถนนเพชรคีรี ในมิติที่ลึกซึ้งขึ้น ผ่านความเรียบง่ายแต่เปี่ยมเสน่ห์ เช่น การใช้ “อาหาร” เป็นสื่อกลาง โดยร่วมมือกับร้านค้าเก่าแก่ในสงขลาเพื่อสร้างสรรค์เมนูพิเศษ เช่น ข้าวผัดรถไฟหมูสับทอดที่ใช้ซีอิ๊วหวานจากร้าน “สินอดุลพันธ์” หรือข้าวไก่ทอดซอสสามรสที่ปรุงด้วยซอสสูตรดั้งเดิมจากร้าน “ยินดี” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับชุมชน”
คุณปวีณวิทย์ พุฒสง่า Creative Director ตัวแทนจาก Seek group and co เสริมว่า “ในอดีตย่านนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังของรถไฟ เราจึงอยากให้ปัจจุบันมีความคิดสร้างสรรค์และการสร้างแบรนด์เป็นพลังใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและชุมชนให้เดินหน้าต่อไป”
เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568 (Pakk Taii Design Week 2025) ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลสร้างสรรค์ แต่คือเวทีที่สะท้อนพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และพันธมิตรระดับประเทศ ที่พร้อมผนึกกำลังสร้างประสบการณ์พิเศษ ตั้งแต่งานศิลป์ อาหาร ดนตรี สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงวิถีชีวิตงดงามแบบปักษ์ใต้ เพื่อยกระดับเมืองให้เต็มไปด้วยโอกาสใหม่ และเป็นพื้นที่พักใจที่ “น่าอยู่ น่าเที่ยว และน่าลงทุน” อย่างยั่งยืน มาร่วมค้นพบแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์สำคัญ ณ ย่านเมืองเก่าสงขลาและหาดใหญ่