
แม้จะเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาส ทรัพยากร และเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ยังมีผู้ประกอบการท้องถิ่นอีกหลายรายที่ลุกขึ้นมาพิสูจน์ว่า หากมีโอกาสและความรู้ พวกเขาก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนเรื่องนี้ คือชุมชนบ้านบ่อดินขาว ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่เคยเป็นแหล่งขุดดินขาวในอดีต แต่วันนี้กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าท้องถิ่นจากการแปรรูปผลผลิตเกษตร ภายใต้แบรนด์ “กล้วยแต๊ดแต๋ @บ่อดินขาว” ซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ แก้ปัญหา และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “โรงเรียนผู้นำประโยชน์สุข” ของเอสซีจี ภายใต้แนวคิด Inclusive Society ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน
“จากน้ำน้อยสู่ความอุดมสมบูรณ์” เรื่องราวของการพลิกฟื้นบ่อดินขาว
“พี่ริน – วารินทร์ อยู่สบาย” ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านบ่อดินขาว และเจ้าของแบรนด์ “กล้วยแต๊ดแต๋ @บ่อดินขาว” เล่าว่า บ้านบ่อดินขาวมีพื้นที่ประมาณ 766 ไร่ อยู่ในความดูแลของสำนักงานพระคลังข้างที่ ซึ่งให้ชาวบ้านเช่าที่อยู่อาศัยและทำการเกษตร ในอดีต พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งขุด “ดินขาว” สำหรับผลิตปูนซีเมนต์ ต่อมาเมื่อหยุดการขุด พื้นที่บ่อเหล่านั้นได้รับการฟื้นฟูตามธรรมชาติ กลายเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคจนถึงปัจจุบัน.

แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ปริมาณน้ำที่ไหลลงสระลดลง ทำให้ชาวบ้านเริ่มประสบความยากลำบากในการนำน้ำมาใช้เพื่ออุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ชุมชนจึงร่วมกันมองหาวิธีฟื้นฟูและจัดการแหล่งน้ำให้กลับมาเพียงพอต่อการดำเนินชีวิตอีกครั้ง ต่อมาด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เกิด “โครงการพัฒนาพื้นที่สระบ่อดินขาว” โดยเป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เช่น เอสซีจี เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปี
เมื่อมีน้ำเพียงพอ การเกษตรของชุมชนก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง พืชผลเริ่มให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งกล้วย ตะไคร้ ใบเตย อัญชัน มันแกว และหอมหัวใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่ารสชาติดีที่สุดในพื้นที่ แต่เมื่อผลผลิตมีมากกว่าความต้องการบริโภคภายในหมู่บ้าน สิ่งที่ตามมาคือความท้าทายใหม่ ชาวบ้านต้องหาทางเพิ่มมูลค่าและขยายตลาด เพื่อให้ผลผลิตที่ปลูกด้วยแรงใจและความตั้งใจ ไม่สูญเปล่า
เสริมความรู้ แปรรูป สร้างแบรนด์ “กล้วยแต๊ดแต๋”
พี่รินและชาวบ้านจึงร่วมกันหาทางออก ด้วยการจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยบ้านบ่อดินขาว” เพื่อรวบรวมผลผลิตที่ล้นตลาด โดยเฉพาะกล้วยที่มีจำนวนมากจนบางครั้งต้องปล่อยทิ้งหรือให้นกกิน นำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม กลายเป็นสินค้าชุมชนหลากหลายรูปแบบ
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญคือ “กล้วยแต๊ดแต๋” ซึ่งมีที่มาจากการที่คนทำเผลอกดแรงเกินไปจนกล้วยแบน แต่รสชาติกลับอร่อยกว่าที่คิด ชาวบ้านจึงนำแนวคิดนี้มาต่อยอด โดยได้รับคำแนะนำจากทีมพี่เลี้ยงในโครงการ “ประโยชน์สุข” ของเอสซีจี ที่ช่วยอบรมทั้งเรื่องมาตรฐานการผลิต การตลาด และการสร้างแบรนด์ จนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนภายใต้ชื่อ “กล้วยแต๊ดแต๋ @บ่อดินขาว” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์และความร่วมมือของคนในหมู่บ้าน

ความสำเร็จในตลาดท้องถิ่นถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ “วิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยบ้านบ่อดินขาว” ที่กำลังก้าวต่อไปสู่ตลาดในวงกว้าง ปัจจุบันเริ่มมีหน่วยงานและผู้ประกอบการจากภายนอกให้ความสนใจติดต่อเข้ามา เพื่อนำผลิตภัณฑ์ของชุมชนไปจำหน่ายในช่องทางใหม่ ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชุมชนกำลังมุ่งพัฒนา คือ การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายโอกาสทางการตลาด พี่รินเล่าว่า “เราจะไม่ยอมแพ้ ทุกคนในชุมชนพร้อมเรียนรู้และลงมือทำไปด้วยกัน” เพราะเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่เพิ่มรายได้หรือทำให้ชุมชนเข้มแข็งเท่านั้น แต่ยังอยากส่งต่อสุขภาพดีและคุณค่าจากธรรมชาติให้ถึงมือผู้บริโภค
ความรู้คือ พื้นฐานของประโยชน์สุขที่ยั่งยืน

“ขอขอบคุณเอสซีจีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของชุมชนบ้านบ่อดินขาว ซึ่งโครงการประโยชน์สุขได้เข้ามาเสริมองค์ความรู้ให้กับชุมชน และพาพี่รินไปอบรมเพิ่มเติม ได้สะสมความรู้ จนวันนี้สามารถนำไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกในกลุ่ม รวมถึงคนอื่น ๆ ในชุมชน ทำให้ได้รับประโยชน์มาก ๆ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ มาจุดประกายให้เราตระหนักได้ว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด โดยจากนี้ไปจะยังคงเดินหน้าศึกษาเรียนรู้ต่อไป เก็บองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาตัวเอง รวมถึงชุมชนต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน” พี่ริน กล่าวทิ้งท้าย
เพราะความรู้คือพื้นฐานของประโยชน์สุขที่ยั่งยืน โครงการ “โรงเรียนผู้นำประโยชน์สุข” จึงมุ่งเน้นสร้างองค์ความรู้ที่จะช่วยให้ผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น มองเห็นความหลากหลาย และออกแบบกลไกที่เอื้อต่อทุกคน สร้างฟันเฟืองที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง นำมาซึ่งประโยชน์สุขร่วมกันอย่างยั่งยืน