
บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (Saha Farm) ผู้นำด้านธุรกิจส่งออกไก่แปรรูป ไก่แช่แข็ง และอาหารครบวงจรของไทย เดินหน้าส่งต่อกำลังใจและความห่วงใยให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ผ่านมา โดยไม่เพียงเร่งช่วยเหลือในช่วงเกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด

คณะผู้บริหารระดับสูงของสหฟาร์ม นำโดย ดร.มนูญศรี โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ กล่าวว่า “แม้น้ำจะลดลงแล้ว แต่อีกหลายชุมชนยังเผชิญความยากลำบาก สหฟาร์มมีความตั้งใจที่จะยืนเคียงข้างประชาชน ไม่ใช่เพียงช่วยบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้า แต่รวมถึงการฟื้นฟูในระยะหลังน้ำท่วมด้วย ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ดร.ปัญญา ที่เชื่อว่า ธุรกิจที่เติบโตต้องเติบโตควบคู่กับคุณภาพชีวิตของสังคม ทั้งในยามปกติและยามวิกฤต”
ในช่วงอุทกภัยและหลังน้ำท่วม สหฟาร์ม คณะผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงบ้านสุขาวดี ได้ร่วมกันระดมกำลังสนับสนุนจากหลายฝ่ายในเครือสหฟาร์ม ส่งมอบอาหารและสิ่งของจำเป็นรวมกว่า 10,000 กิโลกรัม ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่
- สนับสนุนสิ่งของและถุงยังชีพตามคำร้องขอของตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชน
- มอบไก่สดแช่แข็ง ไข่ไก่ น้ำดื่ม และอาหารแห้ง ให้หลายจังหวัดภาคใต้ผ่านทีมผู้บริหารบ้านสุขาวดี
- ส่งมอบไก่สดแช่แข็งกว่า 5,000 กิโลกรัม เพื่อนำไปประกอบอาหารในพื้นที่ประสบภัยสงขลา สตูล
- สนับสนุนงบประมาณ 200,000 บาท มอบผ่านท่านจุฬาราชมนตรี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ได้รับผลกระทบ
- ร่วมสนับสนุนในมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า อีก 5,000 กิโลกรัม เพื่อภารกิจกุศลช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สิ่งของทั้งหมดถูกลำเลียงไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งบนบกและทางเรือ รวมถึงบางส่วนที่ส่งไปกับเรือหลวงจักรีนฤเบศร เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ห่างไกลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดนอกจากนี้ สหฟาร์มยังร่วมสนับสนุน ภารกิจฟื้นฟูหลังน้ำท่วม เช่น การจัดหาอาหารให้ทีมอาสา การมอบวัสดุทำความสะอาด และการสนับสนุนการประกอบอาหารสนามในชุมชนที่กำลังเริ่มต้นฟื้นตัว
ดร.มนูญศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า “การช่วยเหลือครั้งนี้คือความรับผิดชอบของคนไทยที่มีต่อคนไทย ทุกมื้ออาหารและสิ่งของที่เราส่งไปคือความตั้งใจจริงที่จะให้ผู้ประสบภัยก้าวผ่านช่วงเวลานี้ย่างมั่นคง ทั้งตอนน้ำท่วมและหลังน้ำลด เราจะไม่ทิ้งกัน”
สหฟาร์มยืนยันว่าจะยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินการสนับสนุนเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อให้ทุกพื้นที่สามารถกลับมาดำรงชีวิตอย่างปกติได้เร็วที่สุด