
นางสาวสุวรา ทวิชศรี ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ร่วมปาฐกถาในหัวข้อ “Why Developing Utilities Need to Connect Globally” ในงานประชุมระดับโลก IWA Water & Development Congress & Exhibition 2025 (WDCE 2025) ตอกย้ำความสำคัญของการสร้างเครือข่ายพันธมิตรระหว่างประเทศ ยกระดับมาตรฐานการประปาไทย ชี้ “ความร่วมมือระดับสากล” ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็นทางกลยุทธ์” ที่จะช่วยให้องค์กรก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ สู่ความท้าทายหลายมิติในปัจจุบัน

นางสาวสุวรา เปิดเผยว่า กปน. ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่เศรษฐกิจหัวใจสำคัญของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ และให้บริการประชาชนกว่า 12 ล้านคน กำลังเผชิญความท้าทายในหลายรูปแบบ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำดิบ ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ รวมถึงการขยายตัวของชุมชนเมืองและความคาดหวังของลูกค้าในยุคดิจิทัลท่ามกลางแรงกดดันที่ต้องให้บริการอย่างมั่นคงและทันสมัย การเชื่อมโยงกับเครือข่ายระดับนานาชาติช่วยให้องค์กรได้เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดย กปน. ได้นำแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) จากองค์กรชั้นนำทั่วโลกมาประยุกต์ใช้ อาทิ การบริหารจัดการน้ำสูญเสียด้วย AI จากสหราชอาณาจักร การวางแผนระยะยาวจากประเทศญี่ปุ่น และการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการจากประเทศสิงคโปร์จากการเรียนรู้สู่การลงมือทำ กปน. ได้พัฒนานวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ MWA Command Center (MCC) ศูนย์สั่งการติดตามแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนและวิกฤติน้ำแบบเรียลไทม์
Anti-Salinity Tools (ANSAT) หรือ ‘รู้สู้เค็ม’ เครื่องมือบริหารจัดการปัญหาคุณภาพน้ำดิบในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งบูรณาการข้อมูลร่วมกับกองทัพเรือและ NECTEC เพื่อรับมือปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาChlorine Next ระบบเติมคลอรีนอัตโนมัติ การันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติจากเวที International Quality & Productivity Convention (IQPC) ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และรางวัลเหรียญเงินจากสมาพันธรัฐสวิส LEVEL UP PUMPING (LVP+) นวัตกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการสูบจ่ายน้ำ ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้กว่า 11 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 1.2 ล้านกิโลกรัมต่อปี ได้รับรางวัล Silver Award จากเวที Corporate Innovation Competition 2025 เป็นต้น

นอกจากนี้ กปน. ยังยกระดับบทบาทจาก ‘ผู้รับ’ สู่ ‘ผู้ให้’ ผ่าน ศูนย์ฝึกอบรม กปน. ส่งต่อองค์ความรู้ด้านระบบประปาให้กับการประปานานาชาติจากประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2568 มีประเทศต่าง ๆ ที่มาฝึกอบรมทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น เวียดนาม เมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ติมอร์-เลสเต มัลดีฟส์ เคนยา เป็นต้น สร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยงานสาธารณูปโภคน้ำประปาในระดับภูมิภาค เพื่อส่งมอบบริการที่มั่นคงและมีคุณภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ต่อไป ตอกย้ำพันธกิจของ กปน. ในฐานะองค์กรชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลง และพร้อมเชื่อมโยงกับประชาคมโลกเพื่อการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน