
สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) จัดงาน THAIFA PR เชิญผู้บริหารบริษัทประกันชีวิต และสื่อมวลชน เข้ารับฟังการแถลงสรุปผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2568 และทิศทางนโยบายการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2569 ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรม Chatrium Grand Bangkok โดยมี นางประภาพร ลิขสิทธิ์ นายกสมาคมฯ เป็นประธานเปิดงานและแถลงภาพรวมการขับเคลื่อนสมาคม
สรุปปี 2568 : วางรากฐานมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้ร่วมรายงานผลการดำเนินงานปี 2568 ซึ่งมุ่งสร้าง “มาตรฐานเดียวกัน” ของวิชาชีพ ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ การรับรองคุณวุฒิ และการสร้างระบบสมาชิกที่เข้มแข็ง อาทิ
• การจัดหลักสูตรวิชาชีพ AChFP, ChLP และ FChFP รวมถึงหลักสูตรขอรับ–ขอต่อใบอนุญาต เพื่อยกระดับความรู้ตามกรอบกำกับดูแล
• การจัดงานงานวิชาการ THAIFA Booster Club เพื่อเตรียมตัวแทนสู่บทบาทที่ปรึกษาการเงินอย่างเป็นระบบ
• การจัดกิจกรรม THAIFA Day และงานวิชาการในส่วนภูมิภาค เพื่อกระจายโอกาสการเรียนรู้ให้เข้าถึงตัวแทนทั่วประเทศ
• การจัดงานเชิดชูเกียรติ National Agent Awards (NAA) และ APFinSA Awards เพื่อยกระดับแรงจูงใจและต้นแบบคุณภาพของวิชาชีพ
• การดำเนินกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค สะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมของวิชาชีพตัวแทนประกันชีวิต

นโยบายปี 2569 : 2026 Mission “Year of Members”
สำหรับปี 2569 THAIFA ประกาศนโยบายหลักภายใต้กรอบ 2026 Mission “Year of Members” โดยคณะกรรมการบริหารเห็นพ้องว่า “ความเข้มแข็งของวิชาชีพ เริ่มต้นจากสมาชิกที่มีคุณภาพ” สมาคมฯ จึงมุ่งเน้น 3 แกนหลักเชิงนโยบาย ได้แก่
1. ขยายฐานสมาชิกคุณภาพ
มุ่งสรรหาสมาชิกใหม่ที่ตระหนักถึงมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม พร้อมยกระดับการมีส่วนร่วมของสมาชิกเดิมให้เป็นพลังขับเคลื่อนสมาคมอย่างแท้จริง
2. ยกระดับโครงสร้างการพัฒนาวิชาชีพ
เปิดตัวหลักสูตรผู้บริหาร THAIFA PRIME (Professional Risk Insurance Management Executive Program) เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายในการสร้างผู้นำวิชาชีพที่เข้าใจเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในมิติใหม่
3. ปรับเส้นทางคุณวุฒิให้สอดคล้องมาตรฐานสากล

ผลักดันหลักสูตร FChFP (Fellow Chartered Financial Practitioner) ให้เป็นคุณวุฒิหลักของการพัฒนาที่ปรึกษาการเงินในอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพเชิงลึกยืนยัน THAIFA กลไกกลางยกระดับวิชาชีพ
นายกสมาคมฯ เน้นย้ำว่า THAIFA ทำหน้าที่เป็น “กลไกกลางของวิชาชีพตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน” ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนกิจกรรม แต่ต้องกำหนด ทิศทางเชิงนโยบาย เพื่อยกระดับมาตรฐานอาชีพ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และสนับสนุนเสถียรภาพของระบบประกันภัยไทยในระยะยาวต่อไป