
ธนาคารกรุงไทย ตอบรับนโยบายภาครัฐ เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” ปรับเงื่อนไขโครงการและเพิ่มมาตรการ ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและ SME ได้มากขึ้น ขยายขอบเขต ช่วยเหลือกลุ่มอ่อนแอ แต่ยังไม่เป็น NPL ป้องกันไม่ให้ลูกหนี้ดีเป็นลูกหนี้เสีย ปิดจบหนี้ได้ไว และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เร็ว
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ประธานผู้บริหาร Retail Banking ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยตระหนักถึงความเดือดร้อนของลูกค้าและประชาชน จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงพร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐอย่างเต็มกำลัง ในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” ซึ่งปรับเงื่อนไขมาตรการ ให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SME กลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น ขยายความช่วยเหลือทั้งกลุ่มที่เป็น NPL แล้วและกลุ่มที่ยังไม่เป็น NPL แต่มีสัญญาณอ่อนแอ ให้สามารถประคองตัว รักษาสินทรัพย์สำคัญกับความมั่นคงของชีวิต ป้องกันไม่ให้ปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้น
มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน และ SME ที่มีวงเงินไม่สูง ปรับโครงสร้างหนี้แบบ “ลดค่างวด” และ “พักภาระดอกเบี้ย” เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่กู้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการฯ) โดยขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้ามาตรการให้ครอบคลุมถึง 1) ลูกหนี้ที่มีวันค้างชำระเกิน 365 วัน และ 2) ลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระน้อยกว่าที่กำหนดในระยะที่ 1 คือ เคยค้างชำระ 1 – 30 วัน และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน และสถานประกอบการไว้ได้
มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” ขยายเพดานภาระหนี้ของลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น โดย 1) สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured loan) เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และ 2) สินเชื่อที่มีหลักประกัน (secured loan) ซึ่งได้มีการบังคับหลักประกันแล้ว และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกินกว่าที่กำหนด (วงเงินสินเชื่อบ้าน หรือ สินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อบัญชี) ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี เพื่อให้ลูกหนี้เหล่านี้สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก “หนี้เสีย” เป็น “ปิดจบหนี้” และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น
มาตรการ “จ่าย ตัด ต้น” ซึ่งเป็นมาตรการใหม่สำหรับหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured loan) ที่มียอดหนี้คงค้างไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี และเป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) โดยการปรับโครงสร้างหนี้ให้มีเงื่อนไขการผ่อนชำระคืนเป็นงวด (term loan) และผ่อนชำระร้อยละ 2 ของเงินต้นคงค้าง เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน สำหรับดอกเบี้ยจะพักแขวนไว้ และจะได้รับยกเว้นดอกเบี้ยในระหว่างมาตรการหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับลูกหนี้ทั้งในปัจจุบันและระยะต่อไปได้
นอกจากนี้ ธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถปรับตัว และสร้างโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ โดยออกมาตรการความช่วยเหลือลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อีกทั้ง ยังร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน สินเชื่อกรุงไทยรวมหนี้(ภาคประชาชน) เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ด้วยการมัดรวมหนี้ทุกประเภทมาไว้ที่กรุงไทย และ สินเชื่อกรุงไทยบ้านแลกเงิน ที่ช่วยให้ลูกค้า เสริมสภาพคล่องการทำธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวในการดำรงชีพ
ธนาคารยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว โดยลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” สามารลงทะเบียนได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคารกรุงไทย https://krungthai.com/link/khunsoo หรือเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th/Khunsoo โดยลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่1 กรกฎาคม 2568 – 30 กันยายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Krungthai Contact Center 02 111 1111 กด 99 หรือ สายด่วนแบงก์ชาติ โทร. 1213 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://krungthai.com/link/khunsoo