
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) ครั้งที่ 3/2568 โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบรายงานประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนในปี 2567 อาทิ กรอบนโยบายการให้ทุนสนับสนุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ข้อมูลสรุปการอนุมัติโครงการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้กองทุนฯ ไปดำเนินการรวบรวมผลการดำเนินโครงการที่ผ่านการพิจารณา และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ แล้วประสบความสำเร็จในวงกว้าง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้มีต้นแบบและสามารถนำโครงการดังกล่าวไปปรับใช้ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้กล่าวถึง การตรวจสอบรายงานการเงินของกองทุน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้แสดงความเห็นของรายงานการเงินดังกล่าวนี้ ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐ และนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้กองทุนฯ รายงานต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ด้าน นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึง
การจัดทำตัวชี้วัดผู้บริหารทุนหมุนเวียนของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีบัญชี 2568
ทางกรมบัญชีกลางกำหนดกรอบหลักเกณฑ์ ซึ่งกำหนดให้ทุนหมุนเวียนมีการประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน
ที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน สอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร โดยมีกรอบการประเมิน เช่น ด้านการเงิน ด้านการปฏิบัติการ ด้านการสนองตอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และด้านการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน เป็นต้น โดยตัวชี้วัดเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่กองทุนจะต้องนำให้สำเร็จต่อไป