Biz Today Station

โลโก้ Biztoday Station
Menu
  • หน้าหลัก
  • เศรษฐกิจ
  • ประกันชีวิต-ประกันภัย
  • การเงิน-ธนาคาร-หุ้น
  • พลังงาน-อุตสาหกรรม
  • พาณิชย์
  • คมนาคม
  • ไอที
  • อสังหาริมทรัพย์
  • ยานยนต์
  • ท่องเที่ยว
  • การศึกษา
  • สุขภาพ-ความงาม
  • CSR 
  • สังคม
  • การตลาด
วันที่ 22 กันยายน 2568
สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม ก้าวสู่ความยั่งยืนในโลกใหม่   |   ชมรมจักรยานการเคหะแห่งชาติจัดกิจกรรม Car Free Day 2025   |   TOA คว้ารางวัลสุดยอด CEO สาขาอสังหาริมทรัพย์ จากงาน ‘DAILYNEWS TOP CEO 2025’ตอกย้ำผู้นำพันธมิตรองค์กรสีเขียวที่พร้อมขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ไทยสู่ความยั่งยืน   |   กปน.มอบเงินสนับสนุนพร้อมนำจิตอาสาปรับปรุงระบบสูบน้ำดิบ ชุมชนบ้านท่าปุยตก จ.ตาก   |   ดีอี จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 9 ปี รวมพลังรัฐ-เอกชน ร่วมสร้างเศรษฐกิจ-สังคมดิจิทัลอย่างมั่นคง-ยั่งยืน   |   กทพ.ผนึก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงนาม MOU ว่าด้วยการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ของหน่วยงานภาครัฐ   |   Neighbors Agency ก้าวสู่เวทีการตลาดชั้นนำระดับประเทศ คว้า 3 รางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 การันตีความสำเร็จของ Business Solution Partner ตัวจริง   |   สนพ.ชี้ยอดใช้ไฟฟ้า 6 เดือนของปี 68 ความต้องการใช้พลังงานของไทยลดลง   |   กปน.ต้อนรับการเคหะแห่งชาติ ศึกษาดูงานเรื่อง’การบริหารสัญญาและการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน (TOR) ตาม พ.ร.บ.การจัดชื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560′   |   กปน.ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างวางท่อประปา และงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้าเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3 (สัญญา รทป.176)    |   กปน.เปิดบ้านต้อนรับ คณะผู้แทนจากบริษัท TC Noble Holding Co.,Ltd. สาธารณรัฐประชาชนจีน ศึกษาดูงานด้านระบบประปาและการบริหารจัดการน้ำ ณ โรงงานผลิตน้ำบางเขน   |   กรุงศรี ร่วมเป็นผู้นำขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านการธนาคารสีเขียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   |   OCEAN LIFE ไทยสมุทร สนับสนุนประกันอุบัติเหตุให้นักวิ่งในงาน Central Group Mini Marathon 2025   |   อลิอันซ์ อยุธยา ขับเคลื่อนแคมเปญ“ตรงไปตรงมา” คว้ารางวัล Best Outdoor Ads จาก Best Ads onTV.com สร้างมาตรฐานใหม่ของโฆษณาประกันภัยที่โปร่งใส   |   ปักหมุดชีวิตที่ใช่…ใจกลางลาดพร้าว!“พฤกษา”เปิดตัว “พลัมคอนโด อีสต์ ลาดพร้าว”คอนโดใหม่ ใกล้ MRT เพียง 250 ม. คุ้มที่สุดในโซนเฟอร์ครบฯ เริ่ม 1.88 ล้าน จองครั้งแรก 27-28 ก.ย.นี้   |   กสิกรไทย – DKSH – วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร สนับสนุนธุรกิจกลุ่มสินค้าเฮลท์แคร์และสินค้าอุปโภคบริโภค   |   บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช มอบสิทธิ์สุดคุ้มซื้อ iPhone 17 ผ่อน 0% นาน 48 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3,000 บาท   |   แอกซ่าประกันภัย เปิดตัวแอปพลิเคชัน“AXA TH Health”ยกระดับประสบการณ์การประกันภัยสุขภาพให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น   |   FWD รับรางวัลเหรียญทอง‘The Best Technology Innovation Contact Center’ปีที่ 3จากเวที TCCTA Contact Center Awards   |   แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ร่วมฉลองเดือนแห่งจิตอาสาเติมเต็มรอยยิ้ม สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน   |   กรุงเทพประกันภัย เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้บริหารบริษัทนายหน้าประกันภัยและบริษัทประกันภัยชั้นนำจากเวียดนาม   |   ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เอาใจชาวบิ๊กไบค์ เปิดตัว 3 รุ่นพิเศษ กับเครื่องยนต์สีโครเมียมสุดว้าว! พร้อมพาเหล่าคนรักอิสระ ลุยกิจกรรมเพื่อสังคม ‘United We Ride’ นำรายได้สมทบทุนโครงการ ‘Helmet Hero Thailand’    |   มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ผนึกภาคีเครือข่ายชวนคนรุ่นใหม่ผลิตสื่อออนไลน์ สร้างภูมิคุ้มกันข่าวลวง เสริมความเชื่อมั่นในวัคซีน   |   บลจ.กสิกรไทย ผนึก นิด้า เชื่อมโยงการศึกษาสู่โลกการลงทุน   |   ทิพยประกันภัย ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม มอบเสื้อกันฝนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านหัน จังหวัดนครราชสีมา   |   เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย คว้ารางวัล‘2025 XPENG RED CARPET Global Best Dealer Award’ในงาน IAA Mobility 2025 ที่เยอรมนี     |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง ปรับปรุงระบบท่อประธาน   |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง เตรียมการตัดบรรจบท่อประธาน   |   5 สุดยอดตัวแทนกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้ารางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมจากงานมอบรางวัล“คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ”(National Agent Awards) ครั้งที่ 25 ประจำปี 2568   |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง ปรับปรุงระบบท่อประธาน
โลโก้ Biztoday Station
วันที่ 22 กันยายน 2568
สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม ก้าวสู่ความยั่งยืนในโลกใหม่   |   ชมรมจักรยานการเคหะแห่งชาติจัดกิจกรรม Car Free Day 2025   |   TOA คว้ารางวัลสุดยอด CEO สาขาอสังหาริมทรัพย์ จากงาน ‘DAILYNEWS TOP CEO 2025’ตอกย้ำผู้นำพันธมิตรองค์กรสีเขียวที่พร้อมขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ไทยสู่ความยั่งยืน   |   กปน.มอบเงินสนับสนุนพร้อมนำจิตอาสาปรับปรุงระบบสูบน้ำดิบ ชุมชนบ้านท่าปุยตก จ.ตาก   |   ดีอี จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 9 ปี รวมพลังรัฐ-เอกชน ร่วมสร้างเศรษฐกิจ-สังคมดิจิทัลอย่างมั่นคง-ยั่งยืน   |   กทพ.ผนึก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงนาม MOU ว่าด้วยการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ของหน่วยงานภาครัฐ   |   Neighbors Agency ก้าวสู่เวทีการตลาดชั้นนำระดับประเทศ คว้า 3 รางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 การันตีความสำเร็จของ Business Solution Partner ตัวจริง   |   สนพ.ชี้ยอดใช้ไฟฟ้า 6 เดือนของปี 68 ความต้องการใช้พลังงานของไทยลดลง   |   กปน.ต้อนรับการเคหะแห่งชาติ ศึกษาดูงานเรื่อง’การบริหารสัญญาและการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน (TOR) ตาม พ.ร.บ.การจัดชื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560′   |   กปน.ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างวางท่อประปา และงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้าเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3 (สัญญา รทป.176)    |   กปน.เปิดบ้านต้อนรับ คณะผู้แทนจากบริษัท TC Noble Holding Co.,Ltd. สาธารณรัฐประชาชนจีน ศึกษาดูงานด้านระบบประปาและการบริหารจัดการน้ำ ณ โรงงานผลิตน้ำบางเขน   |   กรุงศรี ร่วมเป็นผู้นำขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านการธนาคารสีเขียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   |   OCEAN LIFE ไทยสมุทร สนับสนุนประกันอุบัติเหตุให้นักวิ่งในงาน Central Group Mini Marathon 2025   |   อลิอันซ์ อยุธยา ขับเคลื่อนแคมเปญ“ตรงไปตรงมา” คว้ารางวัล Best Outdoor Ads จาก Best Ads onTV.com สร้างมาตรฐานใหม่ของโฆษณาประกันภัยที่โปร่งใส   |   ปักหมุดชีวิตที่ใช่…ใจกลางลาดพร้าว!“พฤกษา”เปิดตัว “พลัมคอนโด อีสต์ ลาดพร้าว”คอนโดใหม่ ใกล้ MRT เพียง 250 ม. คุ้มที่สุดในโซนเฟอร์ครบฯ เริ่ม 1.88 ล้าน จองครั้งแรก 27-28 ก.ย.นี้   |   กสิกรไทย – DKSH – วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร สนับสนุนธุรกิจกลุ่มสินค้าเฮลท์แคร์และสินค้าอุปโภคบริโภค   |   บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช มอบสิทธิ์สุดคุ้มซื้อ iPhone 17 ผ่อน 0% นาน 48 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3,000 บาท   |   แอกซ่าประกันภัย เปิดตัวแอปพลิเคชัน“AXA TH Health”ยกระดับประสบการณ์การประกันภัยสุขภาพให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น   |   FWD รับรางวัลเหรียญทอง‘The Best Technology Innovation Contact Center’ปีที่ 3จากเวที TCCTA Contact Center Awards   |   แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ร่วมฉลองเดือนแห่งจิตอาสาเติมเต็มรอยยิ้ม สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน   |   กรุงเทพประกันภัย เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้บริหารบริษัทนายหน้าประกันภัยและบริษัทประกันภัยชั้นนำจากเวียดนาม   |   ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เอาใจชาวบิ๊กไบค์ เปิดตัว 3 รุ่นพิเศษ กับเครื่องยนต์สีโครเมียมสุดว้าว! พร้อมพาเหล่าคนรักอิสระ ลุยกิจกรรมเพื่อสังคม ‘United We Ride’ นำรายได้สมทบทุนโครงการ ‘Helmet Hero Thailand’    |   มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ผนึกภาคีเครือข่ายชวนคนรุ่นใหม่ผลิตสื่อออนไลน์ สร้างภูมิคุ้มกันข่าวลวง เสริมความเชื่อมั่นในวัคซีน   |   บลจ.กสิกรไทย ผนึก นิด้า เชื่อมโยงการศึกษาสู่โลกการลงทุน   |   ทิพยประกันภัย ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม มอบเสื้อกันฝนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านหัน จังหวัดนครราชสีมา   |   เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย คว้ารางวัล‘2025 XPENG RED CARPET Global Best Dealer Award’ในงาน IAA Mobility 2025 ที่เยอรมนี     |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง ปรับปรุงระบบท่อประธาน   |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง เตรียมการตัดบรรจบท่อประธาน   |   5 สุดยอดตัวแทนกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้ารางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมจากงานมอบรางวัล“คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ”(National Agent Awards) ครั้งที่ 25 ประจำปี 2568   |   ประกาศ การประปานครหลวง เรื่อง ปรับปรุงระบบท่อประธาน
Menu
  • หน้าหลัก
  • เศรษฐกิจ
  • ประกันชีวิต-ประกันภัย
  • การเงิน-ธนาคาร-หุ้น
  • พลังงาน-อุตสาหกรรม
  • พาณิชย์
  • คมนาคม
  • ไอที
  • อสังหาริมทรัพย์
  • ยานยนต์
  • ท่องเที่ยว
  • การศึกษา
  • สุขภาพ-ความงาม
  • CSR 
  • สังคม
  • การตลาด

© 2025 biztodaystation.co.th

สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม ก้าวสู่ความยั่งยืนในโลกใหม่

21/09/2025

สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดงานขอบคุณสื่อมวลชนประจำปี 2568 พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมผ่านกิจกรรม Executive Talk โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “เร่งสร้างนวัตกรรมสู่การเปลี่ยนผ่าน ธุรกิจประกันภัยที่ยั่งยืนในโลกใหม่” เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์และทิศทางของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการประกันภัยในสาขาต่าง ๆ ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย ในหลากหลายมิติ อาทิ การพัฒนาโมเดลประกันภัยเพื่อรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติในภาคธุรกิจประกันวินาศภัย การขยายตลาดประกันภัยทางทะเลและโลจิสติกส์ภายใต้บริบทของสงครามการค้า รวมถึงการพัฒนาระบบประกันสุขภาพให้มีความยั่งยืนและสามารถรองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคใหม่ ด้วยการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างวันที่ 20–21 กันยายน 2568 ณ โรงแรม Mandarin Eastville พัทยา จังหวัดชลบุรี

 ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้บรรยายในเวที Executive Talk ภายใต้หัวข้อ “เร่งสร้างนวัตกรรม สู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจประกันภัยที่ยั่งยืนในโลกใหม่” โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวของภาคธุรกิจประกันภัย ท่ามกลางบริบทของ “โลกใหม่” ซึ่งไม่ใช่เพียงยุคหลังการระบาดของโควิด-19 หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศ และพฤติกรรมของผู้บริโภค

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า โลกในยุคปัจจุบันคือยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงรุกในทุกด้าน ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทางธุรกิจ ไปจนถึงการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองต่อบริบทดังกล่าว โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีความคาดหวังว่าทุกขั้นตอนของบริการต้องสามารถดำเนินการผ่านสมาร์ตโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งการซื้อประกัน การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และการติดต่อบริการ

ในขณะเดียวกัน การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Big Data, IoT, Sensor, Robotic และ Blockchain ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่ในรูปแบบ InsurTech ซึ่งอาจไม่มีสำนักงานแบบดั้งเดิม สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ ความสามารถในการเข้าใจความเสี่ยงและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี เช่น น้ำท่วม พายุ ภัยแล้ง และไฟป่า ภาคธุรกิจประกันภัยจึงจำเป็นต้องปรับปรุงโมเดลการประเมินความเสี่ยงใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนา Climate Risk Insurance และระบบบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงพื้นที่ เช่น Flood Zoning ที่สามารถนำมาใช้ในการกำหนดเบี้ยประกันภัย เงื่อนไขความคุ้มครอง และการบริหารพอร์ตโฟลิโอของบริษัทประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็น ESG (Environment, Social, Governance) และความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นข้อกำหนดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ บริษัทประกันภัยต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์และบริการมีต่อโลกอย่างรอบด้าน

สำหรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ดร.สมพร ชี้ว่า ปัจจุบันลูกค้ามีข้อมูลในมือมากขึ้น สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงแค่ซื้อเพราะเป็นข้อบังคับ แต่ต้องเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความคุ้มค่า และสามารถตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง นวัตกรรมในด้าน Personalized Insurance จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก

ในมุมของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมต้องครอบคลุมหลายมิติ ทั้ง Usage-Based Insurance, Embedded Insurance และ All-in-One Insurance โดยบทบาทของเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, Blockchain, IoT และ Sensor จะมีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก จุดเน้นสำคัญคือการคิดล่วงหน้าและลงมือก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งก่อนที่ความต้องการของลูกค้าจะปรากฏชัดเจน

ในส่วนของการบริหารความเสี่ยงด้านทรัพย์สิน ดร.สมพร กล่าวว่า การพัฒนานวัตกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน โดยเฉพาะในด้าน Flood Zoning ที่สามารถแบ่งพื้นที่ความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเบี้ย การออกแบบกรมธรรม์ และการบริหารพอร์ตการประกัน โดยมีข้อเสนอให้จัดทำ Digital Flood Risk Map ที่อัปเดตข้อมูลได้แบบ Real-Time และสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี IoT และ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) เพื่อสนับสนุนการประเมินความเสี่ยงเชิงพื้นที่

ในด้านการประกันภัยรถยนต์ จำเป็นต้องให้ความสำคัญในการจัดทำ “ราคากลาง” ของรถยนต์และค่าซ่อมแซมโดยใช้ระบบ AI และ Big Data เพื่อปรับปรุงราคากลางให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการเสนอเบี้ยประกันภัย และลดข้อโต้แย้งในกระบวนการเคลม

สำหรับการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ มีการเสนอแนวทางที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่าการจ่ายเมื่อล้มป่วย โดยใช้นวัตกรรมที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพ เช่น โปรแกรม Wellness Insurance, Telemedicine, AI ผู้ช่วยด้านสุขภาพ, ระบบตรวจจับความเสี่ยงล่วงหน้า และระบบเคลมอัตโนมัติแบบทันที

อีกประเด็นที่ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือการยกระดับ Insurance Literacy หรือความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยของประชาชน ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้จริง เช่น Modular Insurance ที่ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองเฉพาะด้านตามงบประมาณ, Bite-Sized Insurance ที่มีเบี้ยประกันต่ำเริ่มต้นเพียงไม่กี่บาทต่อวัน, All-in-One Insurance ที่รวมหลายความคุ้มครองไว้ในแพ็กเดียว และ Embedded Insurance ที่ฝังตัวอยู่ในบริการอื่น ๆ เช่น การจองตั๋วเดินทาง หรือการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างโอกาสให้ประชาชนเริ่มเข้าถึงและเรียนรู้ประกันภัยบนประสบการณ์จริง

ดร.สมพร กล่าวสรุปว่า อุตสาหกรรมประกันภัยไทยอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งการปรับตัวสู่ความยั่งยืนไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการปรับเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือช่องทางการจัดจำหน่ายเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล การบริหารความเสี่ยงที่ทันสมัย และการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการขับเคลื่อนนวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้ระบบประกันภัยสามารถคงบทบาทสำคัญในการบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

นอกจากนี้ การบรรยายในเวที Executive Talk ยังมีประธานคณะกรรมการประกันภัยสาขาต่าง ๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยในหลากหลายมิติ ดังนี้

นายฮากีม เบ็ญราฮีม ประธานคณะกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน กล่าวถึงสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือพายุรุนแรง แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาCAT Model (Catastrophe Model) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและความเสียหายจากภัยพิบัติ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนรับมือ และสร้างความมั่นใจให้ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน

เหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 2554 เป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การพึ่งพาข้อมูลในอดีตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง ภัยพิบัติสามารถสร้างความเสียหายได้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก การนำ CAT Model เข้ามาใช้จึงถือเป็นการยกระดับการบริหารความเสี่ยงของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย โดยไม่เพียงช่วยให้บริษัทประกันภัยกำหนดเบี้ยประกันที่เหมาะสม แต่ยังเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ภาครัฐสามารถนำไปใช้ในการวางแผนผังเมือง และช่วยให้ประชาชนตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือได้ดียิ่งขึ้น

CAT Model เป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และสถิติ ที่ผสานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และเทคโนโลยีเชิงพื้นที่ เช่น การนำข้อมูลแบบจำลองความสูงเชิงดิจิทัล (Digital Elevation Model) และข้อมูล Lidar (ไลดาร์) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงเลเซอร์ยิงลงไปยังพื้นดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อวัดระดับความสูงและรูปร่างของพื้นที่อย่างละเอียด สามารถสร้างแผนที่สามมิติที่แม่นยำกว่าการสำรวจแบบเดิม ช่วยให้การจำลองเส้นทางการไหลของน้ำมีความสมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายของโครงสร้าง รวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อประเมินมูลค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างใกล้เคียงความจริง

สำหรับธุรกิจประกันภัย CAT Model ถูกนำมาใช้เป็นกลไกหลักในการคำนวณกองทุนสำรองและการจัดการความเสี่ยง ขณะเดียวกันภาคธุรกิจอื่น เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการจัดผังเมือง ก็สามารถใช้ผลลัพธ์จาก CAT Model ที่แสดงออกมาในรูปแบบแผนที่ความเสี่ยง (Heatmap) เพื่อสร้างความทนทานต่อภัยพิบัติในอนาคต

“การลงทุนใน CAT Model คือการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนของประเทศ เราต้องร่วมมือกันทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ ภาครัฐ และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างแบบจำลองที่ตอบโจทย์บริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะภัยพิบัติที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น น้ำท่วมฉับพลัน น้ำหลาก หรือพายุฤดูร้อน การพัฒนา CAT Model อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ระบบประกันภัยไทยแข็งแกร่ง พร้อมดูแลประชาชนและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นายจุฑาธวัช เพ็งศรี ประธานคณะกรรมการประกันภัยทางทะเลและโลจิสติกส์ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้จุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งในหลายภูมิภาค ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

มาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับคู่ค้าทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการ “ทรัมป์ 2.0” ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำนวนมากจำเป็นต้องเร่งปรับตัว ทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า เปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือ หรือเปลี่ยนท่าเรือปลายทาง (Port Switching) เพื่อลดการพึ่งพาการค้ากับสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเร่งนำเข้า-ส่งออกล่วงหน้าในบางช่วงเวลา นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินกลยุทธ์เปลี่ยนถิ่นกำเนิดสินค้า (Change Origin) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีและข้อจำกัดทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและความเสี่ยงใหม่ของระบบการค้าโลก รวมถึงความเสี่ยงใหม่ที่ธุรกิจประกันภัยทางทะเลและโลจิสติกส์ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

​จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในไตรมาสที่ 2/2568 อยู่ที่84,171 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จำนวนประมาณ 2.79 ล้านล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 15.0 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าเท่ากับ 78,883 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จำนวนประมาณ 2.61 ล้านล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ที่ผลักดันให้เกิดการนำเข้าสินค้าล่วงหน้า (Front Loading) 

​แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเติบโตของเบี้ยประกันภัยสินค้าในไตรมาสที่ 2/2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน กลับหดตัวลงร้อยละ 4.3 แสดงให้เห็นถึงความไม่สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของมูลค่านำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ปรากฏอาจไม่สะท้อนถึงอุปสงค์การค้าจริงของประเทศไทยทั้งหมด เนื่องจากบางส่วนอาจมีการใช้กลยุทธ์ Change Origin ซึ่งอาจไม่ใช่การส่งออกสินค้าหรือนำเข้าสินค้าของไทยโดยแท้จริง และเป็นความท้าทายสำคัญที่ธุรกิจประกันภัยทางทะเลต้องจับตามองและปรับตัวให้ทันสถานการณ์ 

อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจการขนส่งภายในประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ยังคงได้รับผลประโยชน์หรืออานิสงส์จากการเติบโตทางการค้าดังกล่าว ในขณะที่ภาคการขนส่งระหว่างประเทศยังเผชิญความเสี่ยงด้านสงครามและภูมิรัฐศาสตร์เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและช่องแคบฮอร์มุซ สถิติการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขนส่งจากความเสี่ยงภัยด้านอื่น ๆ ยังมีอัตราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้บนเรือสินค้าทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ การที่ตู้คอนเทนเนอร์ถูกซัดตกทะเลในสภาพอากาศที่เลวร้าย และภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่ส่งผลให้ท่าเรือในต่างประเทศต้องหยุดปฏิบัติงานไปหลายวัน นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์เรือ Dali ชนสะพานที่สหรัฐฯ ที่ตอกย้ำว่า ความเสียหายจากอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวสามารถก่อให้เกิดความสูญเสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกหยุดชะงักในทันที

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ “การทำประกันภัยสินค้ากับบริษัทประกันภัยในประเทศ” จึงเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย โดยมีข้อได้เปรียบ เช่น 

1. ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องจนถึงโกดังปลายทาง ลด “ช่องว่างของความคุ้มครอง” ที่กรมธรรม์ประกันภัยต่างประเทศมักสิ้นสุดเพียงท่าเรือ

2. มีอำนาจต่อรองในเรื่องเบี้ยประกันภัยเงื่อนไขความคุ้มครอง และมาตรฐานการพิจารณาสินไหมทดแทน ทำให้ทราบและเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองของการขนส่งเที่ยวนั้น ๆ ล่วงหน้า ไม่ต้องกังวลว่ากรมธรรม์ประกันภัยที่แนบมากับผู้ขายในต่างประเทศจะคุ้มครองตรงตามความเสี่ยงภัยที่ผู้ประกอบการต้องการหรือไม่ 

3. มีขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่ชัดเจน ติดต่อสื่อสารง่ายในภาษาไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ.

4. สนับสนุนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เข้มแข็ง สามารถยืนหยัดควบคู่ไปกับผู้ประกอบการในสภาวะการแข่งขันอย่างเข้มข้นในระดับโลก  

​“การทำประกันภัยสินค้ากับบริษัทประกันภัยในประเทศ ไม่เพียงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของผู้ประกอบการจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หากแต่ยังเป็นกลไกเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และการเลือกใช้ประกันภัยอย่างเหมาะสม จะเป็นเกราะป้องกันที่ช่วยเสริมความมั่นคงแก่ธุรกิจไทย และเพิ่มพลังการแข่งขันให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งบนเวทีโลก” 

นายปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ กล่าวถึงแนวโน้มประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงอายุสมบูรณ์” โดยในปี 2568 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุคิดเป็น 21.31% ของประชากรทั้งหมด และเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2573 และสูงถึง 30% ในปี 2583 โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะมีสัดส่วนมากกว่าผู้ชาย ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการดูแลสุขภาพของประชากรกลุ่มนี้ในอนาคต การเข้าสู่สังคมสูงอายุจะนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้น ทั้งจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และความจำเป็นในการลงทุนด้านสุขภาพอย่างยั่งยืนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากร

ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมประกันภัยสุขภาพในปี 2568 คาดว่า GDP ไตรมาส 2 จะเติบโต 2.8% ขณะที่ธุรกิจประกันภัยสุขภาพยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 8%-9% โดยมีปัจจัยสำคัญจากอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงถึง 14.3% ส่งผลให้ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการผู้ป่วยนอกเฉลี่ย 878 บาทต่อครั้ง หรือกว่า 3,305 บาทต่อรายต่อปี รวมถึงค่าบริการผู้ป่วยในเฉลี่ยกว่า 20,445 บาทต่อราย สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความจำเป็นในการวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งด้านความคุ้มครองและความยั่งยืน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและรองรับความเสี่ยงทางสุขภาพในอนาคต

อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ได้รับแรงผลักดันจากหลายปัจจัย ทั้งในระดับโลกและภูมิภาค อาทิ การลงทุนในเทคโนโลยีการแพทย์และยารุ่นใหม่ เช่น การรักษามะเร็งแบบ Targeted Therapy ยาลดน้ำหนักกลุ่ม GLP-1 การผ่าตัดแบบ minimally invasive และการประยุกต์ใช้ AI ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของการใช้บริการหลังสถานการณ์โควิด ทั้งการดูแลสุขภาพจิตและ telehealth รวมถึงพฤติกรรมการตรวจและรักษาเกินความจำเป็น การขาดการป้องกันโรคที่เหมาะสม และต้นทุนยาโดยเฉพาะ specialty drugs ที่ยังเผชิญความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน สำหรับประเทศไทยยังมีปัจจัยเฉพาะที่กดดันเพิ่มเติม ได้แก่ ค่าแรงบุคลากรทางการแพทย์ที่สูงและการขาดแคลนบุคลากร การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ที่ดึงทรัพยากรเพิ่มขึ้น ระบบสาธารณสุขที่มีงบประมาณจำกัดทำให้ประชาชนหันมาใช้ประกันสุขภาพเอกชน สังคมผู้สูงอายุและการเติบโตของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การลงทุนของโรงพยาบาลเอกชนเพื่อแข่งขันเป็น medical hub รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านการนำเข้ายาและอุปกรณ์ที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท และเมื่อเปรียบเทียบเชิงโครงสร้างกับต่างประเทศ จากข้อมูล Medical Inflation เฉลี่ยของ WTW, AON และ Marsh พบว่าตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ของประเทศไทยสูงกว่าเฉลี่ยทั้งในระดับ APAC และ Global อย่างชัดเจน

แผนพัฒนาการประกันภัยสุขภาพระยะสั้น 1–3 ปี มุ่งเน้นการออกผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับต้นทุนความเสี่ยงของธุรกิจ ปรับปรุงอัตราเบี้ยและรูปแบบกรมธรรม์ให้เหมาะสม พร้อมสร้างความตระหนักรู้ด้านการประกันภัยสุขภาพแก่ประชาชน ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานราคา (Pricing Structure) ของค่ายา เวชภัณฑ์ และค่ารักษาพยาบาล ผ่านการจัดกลุ่มโรงพยาบาลเครือข่ายตามต้นทุนและคุณภาพบริการ จัดทำกรอบแนวทางประเมินสถานพยาบาล และผลักดันความร่วมมือกับกรมการค้าภายในเพื่อกำกับดูแลราคา นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบข้อมูลและการจัดการสินไหมมาตรฐาน อาทิ Insurance Connext เพื่อลดปัญหาการใช้ใบเสร็จซ้ำซ้อน การดำเนินการตามกฎหมาย Itemize Billing การส่งเสริม Open Insurance และการเยี่ยมประเมินโรงพยาบาลเครือข่ายโดยคณะแพทย์ที่ปรึกษา อีกทั้งยังมีการติดตามข้อเสนอการปรับปรุงสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ สนับสนุนความพร้อมของโรงพยาบาลรัฐในการให้บริการลูกค้าประกันสุขภาพด้วยช่องทางพิเศษ ขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีและ AI ในการเสนอขาย การรับประกัน การจ่ายสินไหม และการตรวจจับการฉ้อฉล ตลอดจนการพัฒนา Dashboard กลางของอุตสาหกรรมเพื่อรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการบริหารจัดการความเสี่ยงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต

สำหรับแผนพัฒนาการประกันภัยสุขภาพระยะยาว 5–10 ปี มุ่งเน้นการบูรณาการระบบประกันภัยสุขภาพภาคสมัครใจเข้ากับสวัสดิการภาครัฐ อาทิ กรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพแบบ Top up สิทธิประกันสังคม และสิทธิภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สปสช.) เพื่อเพิ่มทางเลือกและความคุ้มครองให้แก่ประชาชน โดยมีการเข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อพัฒนาระบบประกันภัยสุขภาพของประเทศ และการเข้าร่วมคณะทำงานย่อยเพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนากรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของกลุ่มผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดสิทธิพื้นฐานของข้าราชการ ประกันสังคม หรือ สปสช. เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านสุขภาพและยกระดับการเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

“ความท้าทายด้านสุขภาพในอนาคตไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นโจทย์ร่วมของทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ต้องจับมือกันพัฒนาระบบประกันสุขภาพให้ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองและความมั่นคงของสังคมไทย”

Tags: สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม
  • FacebookFacebook
  • XX
  • LINELine

ข่าวล่าสุด

สมาคมประกันวินาศภัยไทย พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยด้วยนวัตกรรม ก้าวสู่ความยั่งยืนในโลกใหม่

21/09/2025

ชมรมจักรยานการเคหะแห่งชาติจัดกิจกรรม Car Free Day 2025

21/09/2025

TOA คว้ารางวัลสุดยอด CEO สาขาอสังหาริมทรัพย์ จากงาน ‘DAILYNEWS TOP CEO 2025’ตอกย้ำผู้นำพันธมิตรองค์กรสีเขียวที่พร้อมขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ไทยสู่ความยั่งยืน

21/09/2025

กปน.มอบเงินสนับสนุนพร้อมนำจิตอาสาปรับปรุงระบบสูบน้ำดิบ ชุมชนบ้านท่าปุยตก จ.ตาก

19/09/2025

ดีอี จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 9 ปี รวมพลังรัฐ-เอกชน ร่วมสร้างเศรษฐกิจ-สังคมดิจิทัลอย่างมั่นคง-ยั่งยืน

19/09/2025

กทพ.ผนึก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงนาม MOU ว่าด้วยการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ของหน่วยงานภาครัฐ

19/09/2025

Neighbors Agency ก้าวสู่เวทีการตลาดชั้นนำระดับประเทศ คว้า 3 รางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 การันตีความสำเร็จของ Business Solution Partner ตัวจริง

19/09/2025

สนพ.ชี้ยอดใช้ไฟฟ้า 6 เดือนของปี 68 ความต้องการใช้พลังงานของไทยลดลง

19/09/2025

Related Posts

OCEAN LIFE ไทยสมุทร สนับสนุนประกันอุบัติเหตุให้นักวิ่งในงาน Central Group Mini Marathon 2025

19/09/2025

อลิอันซ์ อยุธยา ขับเคลื่อนแคมเปญ“ตรงไปตรงมา” คว้ารางวัล Best Outdoor Ads จาก Best Ads onTV.com สร้างมาตรฐานใหม่ของโฆษณาประกันภัยที่โปร่งใส

19/09/2025

แอกซ่าประกันภัย เปิดตัวแอปพลิเคชัน“AXA TH Health”ยกระดับประสบการณ์การประกันภัยสุขภาพให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

19/09/2025

FWD รับรางวัลเหรียญทอง‘The Best Technology Innovation Contact Center’ปีที่ 3จากเวที TCCTA Contact Center Awards

19/09/2025

กรุงเทพประกันภัย เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้บริหารบริษัทนายหน้าประกันภัยและบริษัทประกันภัยชั้นนำจากเวียดนาม

18/09/2025
© 2025 biztodaystation.co.th
Total Visit : 15,035,728